Audi A7 Sportback 2018 ใหม่ จะเป็นรถรุ่นที่สองของ Audi ที่มาพร้อมกับภาษาการออกแบบใหม่ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากรถต้นแบบอย่าง Audi Prologue Concept โดยคันแรกนั้นคือซีดานหรูรุ่นใหญ่อย่าง Audi A8 ปี 2018 ใหม่ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนภายในห้องโดยสารของ Audi A7 Sportback 2018 ใหม่ จะเป็นแนวโมเดิร์น สปอร์ต เรียบหรูและสะอาดตา มีจออินโฟเทนเมนต์ด้านบนขนาด 10.1 นิ้ว ภายใต้กรอบอะลูมิเนียมทรงเลขาคณิตเอียงเข้าหาผู้ขับขี่ ขณะที่จอด้านล่างเหนือคันเกียร์มีขนาด 8.6 นิ้ว ใช้ควบคุมระบบปรับอากาศและอุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายอื่น ๆ ภายในรถ โดยทั้ง 2 จอ ทำหน้าที่แทนปุ่ม MMI ที่เป็นปุ่มหมุน ๆ กด ๆ เชย ๆ ใน Audi A7 Sportback 2017 โฉมปัจจุบัน เพื่อเข้าถึงการสั่งงานได้อย่างรวดเร็วและเรียกแผงควบคุมที่เป็นจอแสดงผลความละเอียดสูงนี้ว่า MMI Touch ซึ่ง user interface ทั้ง 2 จอ จะหายไปกลายเป็นพื้นสีดำกลมกลืนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของแผงหน้าปัดยามไม่ได้ถูกใช้งานและจะปรากฏอีกครั้งหากเปิดประตูเข้ารถ ขณะที่ระบบ HUD ยิงกระจกบังลมหน้า และระบบนำทาง MMI navigation plus แสดงผลบนมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว เป็นออปชั่นให้เลือกติดตั้งเพิ่ม
ฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์เด็ดของ Audi A7 Sportback 2018 ใหม่ คงเป็น Audi AI remote parking lot ที่ผู้ขับขี่สามารถเปิดใช้งานและสั่งให้รถวิ่งเข้าที่จอดหรือโรงรถได้เองโดยอัตโนมัติเพียงกดปุ่ม Audi AI และลงจากรถ จากนั้นก็สั่งงานหรือมอนิเตอร์ได้ผ่าน myAudi ที่เป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน (คือไม่น่าใช่การสั่งเคลื่อนที่เป็นแนวตรงเข้า-ออกช่องจอดแน่ เพราะแบบนี้เป็นเรื่องเก่าแล้ว) แต่ระบบที่ว่าจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2018 โดย Audi ยังไม่ได้ระบุช่วงเวลา
.
ทางด้านขุมพลัง Audi A7 Sportback 2018 ใหม่ ทุกเครื่องยนต์จะเป็นแบบ Mild Hybrid (MHEV) เพื่อเพิ่มความประหยัด อย่างไรก็ตามในช่วงแรก Audi A7 Sportback 2018 ใหม่ จะมีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน V6 TFSI Turbo ที่ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ S tronic 7 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ที่เลือกให้ขับเคลื่อนเฉพาะ 2 ล้อ หลังก็ได้ โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.3 วินาที
ส่วนบุคลิกการขับขี่ของ Audi A7 Sportback 2018 ใหม่ จะให้ทั้งความสปอร์ตและความสบายไปพร้อม ๆ กันได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น ถ้ายินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับออปชั่นระบบเลี้ยว 4 ล้อ (dynamic-all-wheel steering) และระบบควบคุมแชสซีส์ (Electronic Chassis Program หรือ ECP) โดยตัวควบคุมแชสซีส์กลางจะช่วยปั้นแต่งระบบกันสะเทือนแบบสปริงลมอยู่ตลอดเวลาให้มีการตอบสนองที่รวดเร็ว ว่องไว โดยยังรักษาความนุ่มนวลไว้ได้ตามสไตล์รถ GT ที่ใช้ขับทางไกลยาว ๆ ได้อย่างสบายและสนุกสนานตลอดการเดินทาง