แฟนๆ มินิทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ในการเปิดตัวรถ MINI Hatchback ในเจเนอเรชั่นที่สาม หรือรหัส F56 มาพร้อมสัดส่วนทรวดทรงที่ใหญ่โตกว่าเดิม เน้นสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ
Exterior
ตัว รถ New MINI มีความยาวอยู่ที่ 3,821 มิลลิเมตรสำหรับ MINI Cooper และ 3,850 มิลลิเมตรสำหรับ MINI Cooper S มีความกว้าง 1,727 มิลลิเมตร และความสูง 1,414 มิลลิเมตร ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว มีความยาวที่มากกว่า MINI เจเนอเรชั่นที่สองอยู่ประมาณ 98 มิลลิเมตร, กว้างขึ้น 44 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 7 มิลลิเมตร มีฐานล้อยาวขึ้นกว่าเดิม 28 มิลลิเมตร ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า New MINI ในรหัส F56 นี้ ดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด มีการเพิ่มความโดดเด่นใน MINI เจเนอเรชั่นนี้ด้วยไฟหน้าแบบ LED ที่ทำหน้าที่เป็น Daytime Running Lights ในตัว ในลักษณะของวงแหวนรอบไฟหน้ารถ มีการเพิ่มสีใหม่ให้กับตัวถังอีก 5 สี และเป็นครั้งแรกที่ MINI Hatch มีออพชั่นของรางบนหลังคา
Interior
มิติที่ใหญ่ขึ้นของตัวรถ ทำให้ภายในของรถ MINI มีพื้นที่สำหรับห้องโดยสารที่มากขึ้น ทั้งพื้นที่สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง พื้นที่ซ้ายขวาสำหรับการวางแขน พื้นที่วางเท้า และพื้นที่เก็บสัมภาระ มีการออกแบบระบบการวางที่นั่งใหม่ โดยเก้าอี้แถวหลังสามารถปรับเอนได้สองระดับ พื้นที่ฝากระโปรงหลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมประมาณ 30% เป็น 211 ลิตร และมีการเพิ่มช่องวางของสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง และวัสดุภายในห้องโดยสาร
ที่โดดเด่นที่สุดของ ระบบคอนโซลภายใน คือไฟ LED วงแหวนรอบหน้าจอคอนโซลกลาง ที่สามารถแสดงสีของไฟ LED ได้หลากหลาย เช่น เมื่อเซนเซอร์ถอยหลังทำงาน แสดงเป็นสีเขียว เมื่อถอยไปใกล้วัตถุมากๆ ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและสีแดง ตามลำดับ, หรือเมื่อมีการปรับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศ ไฟวงแหวน LED ก็จะแสดงเป็นสีฟ้าหรือสีแดงตามแต่อุณหภูมิที่กำลังปรับอยู่ในขณะนั้น เป็นต้น
เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง และช่วงล่าง
เครื่อง ยนต์ของ New MINI ถูกแบ่งออกเป็นสามรุ่นใหญ่ๆ คือ เครื่องยนต์เบนซิน TwinPower Turbo 1.5 ลิตร 3 สูบ ให้กำลัง 134 แรงม้า สำหรับ MINI Cooper, เครื่องยนต์เบนซิน TwinPower Turbo 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้กำลัง 189 แรงม้า สำหรับ MINI Cooper S และ เครื่องยนต์ดีเซล TwinPower Turbo ให้กำลัง 114 แรงม้า สำหรับ MINI Cooper D ด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของ New MINI ใหม่ ทาง MINI ได้เคลมว่าจะมีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยคาร์บอนที่ดีขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับ MINI เจเนอเรชั่นก่อนหน้า
ระบบเกียร์ ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ โดยมีการเพิ่มฟีเจอร์ auto start/stop ให้กับเกียร์อัตโนมัติเป็นครั้งแรก เพื่ออัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีการเพิ่มออพชั่นเกียร์อัตโนมัติแบบสปอร์ต ที่ใช้เวลาในการเปลี่ยนเกียร์น้อยลง รวมถึงมีการทำ rev-match เมื่อมีการเปลี่ยนเกียร์ลงแบบอัตโนมัติด้วย
ช่วงล่างของ New MINI เป็นส่วนที่ถูกปรับแต่งมากที่สุดส่วนหนึ่ง แต่ยังให้อารมณ์ Go-Kart เหมือนเดิม เพลาหน้าเป็น single-joint spring strut axle แบบใหม่ เพลาหลังเป็น multi-link axle ที่ถูกลดน้ำหนักลง ใช้อะลูมิเนียมและเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง มีการเพิ่มออพชั่น variable damper control ปรับระดับความแข็งของช่วงล่างได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ MINI ที่มีออพชั่นนี้
MINI Connected
ใน รถ New MINI ที่เปิดตัวใหม่นี้ จะเป็นครั้งแรกที่ MINI Connected ถูกแบ่งออกเป็น MINI Connected กับ MINI Connected XL ตามขนาดหน้าจอในตัวรถ โดย MINI Connected XL จะเพิ่มการรองรับฟังก์ชัน Journey Mate สำหรับระบบการนำทางเพื่อใช้ร่วมกับ ผู้ใช้ MINI คันอื่น รองรับการให้ข้อมูลจราจรแบบ Real Time และรองรับสมาร์ทโฟน Android เป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่งแอพ MINI Connected สำหรับ Android จะเปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน Google Play Store เร็วๆ นี้
MINI Head-up Display
ครั้งแรกของรถ MINI ที่มีหน้าจอ Head-up Display หรือ HUD แสดงผลด้วยจอสี ให้ข้อมูลแก่ผู้ขับรถมินิได้หลากหลาย เพิ่มความปลอดภัยในขณะขับขี่ โดยไม่ต้องละสายตาจากถนนเพื่อมาดูหน้าจอหลักของตัวรถ สามารถบอกตัวเลขความเร็วปัจจุบัน, ระบบนำทางในรูปแบบของลูกศรบนแผนที่, สัญลักษณ์เตือนคนเดินข้ามถนน, สัญลักษณ์เตือนการจำกัดความเร็ว และ ข้อมูลของระบบความบันเทิงในรถยนต์
Park assist
ระบบ ช่วยจอดอัตโนมัติ เป็นจริงแล้วกับรถ MINI F56 โดยระบบสามารถช่วยจอดรถแบบ parallel parking (จอดเทียบฟุตบาท) เริ่มตั้งแต่การตรวจหาพื้นที่ที่สามารถจอดได้โดยอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำกว่า 35 km/h ซึ่งระบบจะมองหาพื้นที่จอดรถที่มีความยาวเท่ากับรถ MINI ของเรา บวก 1 เมตร ที่เมื่อหาเจอแล้ว หน้าจอของตัวรถเราก็จะแสดงพื้นที่ การจอด เพื่อให้คนขับกดปุ่มช่วยจอด จากนั้น ระบบจะควบคุมพวงมาลัย วงเลี้ยวทั้งหมดให้ โดยสิ่งที่คนขับต้องทำ คือควบคุมเบรคและคันเร่งเท่านั้น ตามขั้นตอนที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอของตัวรถ
โหมดการขับขี่
เป็น ครั้งแรกอีกเช่นกันที่รถ MINI มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 3 โหมด คือโหมดการขับขี่แบบปกติ หรือ MID Mode, โหมดประหยัดน้ำมัน หรือ GREEN Mode และโหมดสปอร์ต ขับขี่ด้วยฟีลลิ่ง Go-Kart ให้ความสนุกสนาน หรือ SPORT Mode โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดได้จากวงแหวนรอบๆ คันเกียร์ ซึ่งโหมดการขับขี่นี้ จะเข้าควบคุมการทำงานหลายส่วนพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นอัตราทดเกียร์, ความแข็งของช่วงล่าง หรือแม้กระทั่งแสงไฟ ambient light ในตัวรถ
สั่งจองในราคาพิเศษสุดก่อนใครที่โชว์รูม Spyder Auto Import หรือ โทร. 02-746-9922