ยานพาหนะไฟฟ้าแทบจะเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปบนท้องถนนในประเทศที่มีการผลักดันนโยบายเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมอย่างจริงจัง ซึ่งณเวลานี้มันไม่ได้มีเพียงแค่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเท่านั้น รถ EV ในตอนนี้มีใช้อยู่ในหลายส่วน เช่น รถโรงเรียนไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง และรถบรรทุก ซึ่งหลายบริษัทนั้นพร้อมที่จะแปลสภาพรถของพวกเขาให้เป็นรถ EV และออกสู่ถนนเพื่อช่วยลดมลภาวะ SPYDER ขอเสนอ 5 สิ่งที่น่ารู้กับประโยชน์ของรถ EV เพื่อให้คุณได้เตรียมก้าวไปสู่โลกของพลังงานสะอาดกันครับ
1. รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันนั้นมีตั้งแต่ รถยนต์ รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุกทุกขนาด และแม้กระทั่งรถพ่วงแท่นขุดเจาะขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานบางส่วนเป็นระบบไฟฟ้า
ตอนนี้นั้นรถ EV เป็นมากกว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปแล้ว หากคุณได้มีโอกาสไปเยือนตามเมืองดังๆ อย่างนิวยอร์ก คุณอาจพบว่าตัวเองอยู่บนรถบัสไฟฟ้าที่เงียบกริบ ในอเมริกานั้น มีแผนการผนวกยานพาหนะต่างๆให้เข้ากับเครื่องยนต์ EV เช่นรถดับเพลิง รถสุขาภิบาล และรถบรรทุกไฟฟ้า เหล่านี้หากมีจำนวนมากที่ขึ้นก็จะทำให้อากาศปลอดมลภาวะตามไปด้วย
2. รถยนต์ไฟฟ้าช่วยฟื้นฟูสภาพอากาศ — และวิถีชีวิตของเรา
มลพิษจากรถยนต์และรถบรรทุกไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อโลกของเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราอีกด้วย มลพิษทางอากาศจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลทำให้เกิดโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ มะเร็ง และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า สาเหตุหลักประการหนึ่งของมลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล และการศึกษาโดยมหาวิทยาลัย Duke เน้นย้ำถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพออกมาเป็นตัวเลขให้เห็นภาพว่า “น้ำมันเบนซินแต่ละแกลลอนที่ซื้อที่ปั๊มน้ำมันจะมีต้นทุนด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมสูงถึง 3.80 เหรียญ (หรือ 126.50 บาท)” เลยทีเดียว และหากเป็นนำมันดีเซลที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆก็จะถูกขึ้นไปถึง 4.80 เหรียญ (159.79 บาท)
3. รถยนต์ไฟฟ้ามี carbon footprint น้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน
การใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฮบริดจะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ดังที่เปิดเผยในการศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญของ Union of Concerned Scientists และต้องไม่ลืมว่าทางภาครัฐเองก็ต้องทำให้โครงข่ายพลังงานนั้นมีความสะอาดและประโยชน์ของรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็จะเพิ่มทวีคูณขึ้น
4. ตลอดอายุการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้านั้น ไม่มีการทำร้ายสภาพอากาศ
ในข้อเท็จจริงแล้ว กระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นอาจก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าการผลิตรถยนต์เบนซินทั่วไป เนื่องจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ของรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้วัสดุและพลังงานจำนวนมากในการสร้าง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อยานพาหนะเข้าสู่ท้องถนน รถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งคันได้ชดเชยการปล่อยมลพิษจากการกำเนิดของตัวมันเองในระยะเวลาไม่เกินสิบแปดเดือนของการขับขี่ และหลังจากนั้นก็จะยังคงมีประสิทธิภาพ (ที่รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม) เหนือกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินไปจนสิ้นอายุขัย และรถ EV นั้น ถ้าไม่นับกระบวนการผลิต สามารถชาร์จไฟด้วยพลังงานสะอาดได้อีกด้วย หากแหล่งกำเนิดไฟฟ้าของเมืองนั้นๆมาจากพลังงานสะอาดก็จะเท่ากับว่าเป็นการใช้ Clean Energy แทบจะ 100% เลยทีเดียว
5. รถยนต์ไฟฟ้าสามารถชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่อื่นๆที่มีแท่นชาร์จในขณะที่เจ้าของรถไปทำกิจกรรมอื่นๆอยู่
ข้อดีอย่างหนึ่งของรถยนต์ไฟฟ้าคือสามารถชาร์จไฟได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน (ที่มีแท่นชาร์จ) ยานพาหนะไฟฟ้าจึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับรถบรรทุก และรถโดยสารประจำทางที่มีการวนกลับมายังสถานีกลางหรือลานจอดที่เป็นจุดประจำซึ่งสามารถติดตังแท่นชาร์จไว้รองรับได้นั่นเอง เมื่อยานพาหนะไฟฟ้าออกสู่ตลาดมากขึ้นและมีการใช้งานในวงกว้างมากขึ้น โซลูชั่นการชาร์จแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มสถานที่ชาร์จสาธารณะในศูนย์การค้า โรงจอดรถ และสถานที่ทำงาน จะมีความจำเป็นสำหรับผู้คนและธุรกิจ การมีสถานีชาร์จไฟที่ทั่วถึงจะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้ EV และรัฐบาลในประเทศต่างๆก็เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันเรื่องนี้